ธุรกิจกิจการโทรทัศน์ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการเติบโตของสื่อออนไลน์และแพลตฟอร์มดิจิทัล สื่อออนไลน์ เช่น YouTube, Facebook, และ Netflix ได้เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเนื้อหาของผู้ชม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีทางเลือกในการรับชมเนื้อหามากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโทรทัศน์ในหลายมิติ ทั้งด้านรายได้ รูปแบบการดำเนินงาน และความสามารถในการดึงดูดผู้ชม
1. การลดลงของผู้ชมโทรทัศน์แบบดั้งเดิม
o ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากการรับชมรายการผ่านโทรทัศน์ไปสู่การดูเนื้อหาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถรับชมได้ทุกที่ทุกเวลา
o กลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะวัยรุ่นและคนวัยทำงาน เลือกบริโภคเนื้อหาแบบออนดีมานด์มากขึ้น เช่น การดูซีรีส์หรือภาพยนตร์ผ่าน Netflix และการติดตามข่าวสารหรือความบันเทิงบน YouTube
2. รายได้จากโฆษณาที่ลดลง
o ธุรกิจโทรทัศน์พึ่งพารายได้จากโฆษณาเป็นหลัก แต่การเติบโตของโฆษณาออนไลน์ เช่น Google Ads และ Facebook Ads ทำให้แบรนด์และนักการตลาดลดงบประมาณในสื่อโทรทัศน์
o ค่าโฆษณาในช่วง Prime Time ลดลง เนื่องจากผู้ชมที่ลดลงและความสามารถในการวัดผลของโฆษณาออนไลน์ที่มีความแม่นยำมากกว่า
3. การแข่งขันด้านเนื้อหา
o แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งและสื่อออนไลน์นำเสนอเนื้อหาที่หลากหลายและทันสมัย เช่น ซีรีส์ระดับโลก รายการวาไรตี้ และเนื้อหาที่ผลิตโดยผู้ใช้ (User-Generated Content) ทำให้ผู้ชมมีทางเลือกมากขึ้น
o ธุรกิจโทรทัศน์ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการดึงดูดความสนใจของผู้ชม โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการเนื้อหาเฉพาะกลุ่ม (Niche Content)
4. ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
o เพื่อแข่งขันกับสื่อออนไลน์ ธุรกิจโทรทัศน์จำเป็นต้องลงทุนในเทคโนโลยีและการผลิตเนื้อหาคุณภาพสูง เช่น การใช้กล้อง 4K หรือการผลิตรายการที่มีความสร้างสรรค์
o ต้นทุนเหล่านี้ส่งผลต่อกำไรของสถานีโทรทัศน์ โดยเฉพาะสถานีขนาดเล็กที่มีทรัพยากรจำกัด
5. ความต้องการในการปรับตัวสู่ดิจิทัล
o ธุรกิจโทรทัศน์ต้องเริ่มขยายตัวไปสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น การถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live หรือการนำรายการลง YouTube เพื่อเพิ่มการเข้าถึง
o การสร้างแอปพลิเคชันสำหรับการสตรีมเนื้อหา เช่น LINE TV หรือบริการ OTT (Over-the-Top) ของสถานีโทรทัศน์บางแห่ง เป็นตัวอย่างการปรับตัวที่สำคัญ
1. การรักษาความน่าสนใจของเนื้อหา
o ผู้ชมมีความคาดหวังสูงขึ้นในเรื่องคุณภาพของเนื้อหา เช่น เนื้อหาที่แปลกใหม่ ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม หรือมีมิติในเรื่องการเล่าเรื่อง
o การผลิตเนื้อหาที่สามารถแข่งขันกับซีรีส์หรือรายการที่มาจากต่างประเทศเป็นความท้าทายสำคัญ
2. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
o การเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลและการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น 4K, VR (Virtual Reality) และ AR (Augmented Reality) ต้องใช้เงินทุนและความเชี่ยวชาญสูง
3. การสร้างรายได้จากแพลตฟอร์มดิจิทัล
o แม้ว่าการเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์จะช่วยเพิ่มการเข้าถึง แต่รายได้จากโฆษณาดิจิทัลยังคงไม่สามารถชดเชยการลดลงของรายได้จากโฆษณาโทรทัศน์ได้เต็มที่
o การสร้างโมเดลธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ที่ยั่งยืนจากแพลตฟอร์มดิจิทัลเป็นสิ่งที่ต้องเร่งพัฒนา
1. การร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์
o สถานีโทรทัศน์บางแห่งเริ่มร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น การเปิดช่องทาง YouTube ของตนเอง การถ่ายทอดสดผ่าน Facebook หรือการจัดกิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย
2. การลงทุนในเนื้อหาพิเศษ
o การผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ชม เช่น ละครที่มีโครงเรื่องซับซ้อน หรือรายการสารคดีเชิงลึกที่สร้างความแตกต่างจากเนื้อหาในแพลตฟอร์มออนไลน์
3. การสร้างบริการ OTT (Over-the-Top)
o หลายสถานีเริ่มพัฒนาแอปพลิเคชันหรือบริการสตรีมมิ่งของตัวเอง เช่น LINE TV หรือแอปพลิเคชันของสถานี เพื่อสร้างช่องทางใหม่ในการเข้าถึงผู้ชม
4. การใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์ผู้ชม
o การใช้ข้อมูล (Big Data) เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของผู้ชม ช่วยให้สามารถผลิตเนื้อหาที่ตรงเป้าหมายและปรับปรุงการทำตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจโทรทัศน์ต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อรับมือกับผลกระทบจากสื่อออนไลน์ ความสามารถในการผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพ การปรับตัวสู่ดิจิทัล และการพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ กลายเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอดและเติบโตในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ท้าทายสถานีโทรทัศน์ในเชิงรายได้ แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้ชมในยุคดิจิทัล.