สื่อโทรทัศน์ทั่วโลกยังคงเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากอิทธิพลของเทคโนโลยีดิจิทัลและพฤติกรรมการบริโภคสื่อที่เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันระหว่างโทรทัศน์แบบดั้งเดิมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Netflix, YouTube, และ Amazon Prime Video ทวีความรุนแรงขึ้น ในขณะเดียวกัน สื่อโทรทัศน์ยังคงมีบทบาทสำคัญในบางตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชมที่ยังพึ่งพาการรับชมผ่านเครื่องรับโทรทัศน์แบบดั้งเดิม
1. การลดลงของการรับชมโทรทัศน์แบบดั้งเดิม
o เวลาที่ผู้คนใช้ในการดูโทรทัศน์แบบดั้งเดิมลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Millennials และ Gen Z) ที่หันไปบริโภคเนื้อหาผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น
o ในตลาดที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกาและยุโรป การรับชมผ่านเครื่องรับโทรทัศน์ลดลงถึง 10-20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
2. การเติบโตของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง
o แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น Netflix, Hulu, และ Disney+ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนำเสนอเนื้อหาคุณภาพสูงและตอบสนองความต้องการเฉพาะของผู้ชม
o Original Content หรือเนื้อหาที่ผลิตโดยแพลตฟอร์มเอง เช่น ซีรีส์และภาพยนตร์ กลายเป็นแรงดึงดูดสำคัญ
3. การปรับตัวของสถานีโทรทัศน์
o สถานีโทรทัศน์แบบดั้งเดิมเริ่มพัฒนาช่องทางดิจิทัล เช่น การสร้างแอปพลิเคชันสำหรับการดูย้อนหลัง (Catch-Up TV) หรือบริการ OTT (Over-the-Top) ที่ช่วยเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มผู้ชมออนไลน์
o การร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น การถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live หรือการเผยแพร่เนื้อหาผ่าน YouTube เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
4. ความนิยมของเนื้อหาแบบ Interactive
o การเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม เช่น รายการที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมโหวตหรือเลือกตอนจบของเรื่องราว ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ตัวอย่างที่โดดเด่นคือซีรีส์ "Black Mirror: Bandersnatch" ของ Netflix
o เกมโชว์และรายการเรียลลิตี้ที่ผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมผ่านแอปพลิเคชันหรือโซเชียลมีเดียสร้างความสนใจในกลุ่มคนรุ่นใหม่
5. ความสำคัญของเนื้อหาเฉพาะกลุ่ม (Niche Content)
o ผู้ชมในปี 2562 ต้องการเนื้อหาที่ตอบสนองความสนใจเฉพาะตัว เช่น รายการเกี่ยวกับสุขภาพ กีฬา เทคโนโลยี หรือวัฒนธรรมเฉพาะ
o ช่องโทรทัศน์และแพลตฟอร์มที่เน้นเนื้อหาเฉพาะกลุ่มสามารถสร้างฐานผู้ชมที่จงรักภักดีและต่อเนื่องได้
6. การบริโภคเนื้อหาผ่านอุปกรณ์พกพา
o สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตกลายเป็นอุปกรณ์หลักสำหรับการดูเนื้อหาในหลายตลาด โดยเฉพาะในเอเชียและแอฟริกา ซึ่งมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือสูง
o การออกแบบเนื้อหาให้เหมาะกับหน้าจอขนาดเล็ก เช่น วิดีโอแนวตั้ง (Vertical Video) และคลิปสั้นช่วยเพิ่มความน่าสนใจ
1. ตลาดอเมริกาเหนือ
o การแข่งขันระหว่างแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรุนแรงขึ้น โดยมีการเปิดตัว Disney+ และ Apple TV+ ซึ่งเพิ่มตัวเลือกให้ผู้บริโภค
o การลดลงของสมาชิกเคเบิลทีวี (Cord-Cutting) ยังคงเป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก
2. ตลาดยุโรป
o ผู้ชมในยุโรปเริ่มเปลี่ยนไปสู่การดูสตรีมมิ่ง แต่โทรทัศน์แบบดั้งเดิมยังคงมีความสำคัญในบางตลาด เช่น เยอรมนีและฝรั่งเศส
o สถานีโทรทัศน์หลายแห่งเริ่มสร้างแพลตฟอร์ม OTT ของตนเอง เช่น BBC iPlayer ในสหราชอาณาจักร
3. ตลาดเอเชียแปซิฟิก
o การเติบโตของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในเอเชีย เช่น iQIYI และ Viu ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
o โทรทัศน์ยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดเกิดใหม่ เช่น อินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรจำนวนมากที่ยังพึ่งพาการรับชมผ่านเครื่องรับโทรทัศน์
1. การพัฒนาเนื้อหาคุณภาพสูง
o การลงทุนในเนื้อหาที่มีคุณภาพ เช่น ซีรีส์ที่ผลิตในประเทศและการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา ช่วยรักษาความสนใจของผู้ชม
o การสร้าง Original Content สำหรับแพลตฟอร์มของตนเองช่วยเพิ่มความน่าสนใจ
2. การใช้ข้อมูลวิเคราะห์ (Data Analytics)
o การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ชมช่วยให้สถานีโทรทัศน์เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้ชม เพื่อปรับปรุงเนื้อหาและการตลาด
o การใช้ Big Data เพื่อเลือกเวลาและแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับการเผยแพร่
3. การบูรณาการช่องทางดิจิทัล
o การเพิ่มการเข้าถึงผ่านแอปพลิเคชันและบริการสตรีมมิ่ง เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
o การใช้โซเชียลมีเดียในการโปรโมตรายการและสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ชม
แนวโน้มการใช้สื่อโทรทัศน์สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม การเติบโตของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง การลดลงของการรับชมโทรทัศน์แบบดั้งเดิม และความนิยมของเนื้อหาเฉพาะกลุ่มเป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค การปรับตัวของสถานีโทรทัศน์ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยี การสร้างเนื้อหาคุณภาพสูง และการบูรณาการช่องทางดิจิทัลจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้สื่อโทรทัศน์ยังคงความสำคัญในยุคดิจิทัล